2551-07-16

ภัยเงียบ-พิษจาก ขยะและสิ่งแวดล้อม

เรื่องของขยะและเรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน โลหะหนัก เป็นตัวสำคัญในการสร้างสารพิษในขยะและทำลายสิ่งแวดล้อม จะระบุเป็น ตัวๆ ไป เรื่องแรกคือตะกั่ว หรือ สารกลุ่มตะกั่วซึ่งเรารู้จักกันดีมานานแล้วเราใช้ตะกั่วเป็นอุปกรณ์ในการสร้างความสะดวกสบายให้กับชีวิตของเรามาแต่สมัยโบราณ เมื่อมีการขุดค้นปราสาทหรือวังหรืออาคารเก่าๆที่โรมและเมืองใหญ่ๆหลายเมืองในอิตาลี ได้พบว่ามีการใช้ตะกั่วหล่อเป็นท่อประปาใช้กันมาหลายพันปี และท่อประปานั้นก็ยังใช้ได้ในปัจจุบันนี้ ปรากฏว่าอยู่ในสภาพดีและไม่เสียหายบุบสลายแม้แต่ประการใดท่อน้ำประปาของไทยเราและของประเทศด้อยพัฒนาของโลกก็ยังใช้ตะกั่วทำท่ออย่างแพร่ หลาย ก่อนที่จะหันมาเปลี่ยนเป็นท่อพีวีซีเมื่อสัก 20 ปีมานี้นอกจากใช้ทำท่อน้ำแล้ว เรายังใช้ในวงการอุตสาหกรรมกันมากมายหลายอย่าง อย่างเช่น แบตเตอรี่รถยนต์ก็ต้องใช้ตะกั่วเป็นตัวหลักในการทำแบตเตอรี่ และที่หนักหนาสาหัสก็คือ การที่จะให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นนั้น ต้องใช้ขั้วตะกั่วทั้งบวกและลบ (LEAD DIOXIDE) เพื่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ขึ้นกรดกำมะถันมีความร้ายแรงแค่ไหนคงจะทราบกันแล้ว ในบรรดากรดต่างๆซึ่งมีฤทธิ์รุนแรงที่สุดนั้น กรดกำมะถันเป็นตัวนำโดดเด่นมากที่สุดนอกไปจากนั้นก็คงจะจำได้ว่า สมัยหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ น้ำมันรถแทบทุกชนิดต้องอาศัยสารตะกั่วเป็นตัวละลาย ควันจากไอเสียซึ่งถูกพ่นออกมา จึงมีสารพิษจากตะกั่วปนอยู่เต็มอากาศในเมืองที่มีรถยนต์มากจึงเป็นอากาศที่ประกอบไปด้วยมลพิษ โรคประจำตัวของคนในเมืองใหญ่ๆจึงเป็นเรื่องโรคระบบหายใจ และเป็นตัวทำลายสุขภาพและเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งแต่โดยเหตุที่อากาศเป็นพิษจากควันรถยนต์เป็นภัยเงียบ ซึ่งคนไทยโดยทั่วไปไม่ค่อยเข้าใจนักจนกระทั่งในต่างประเทศรู้จักภัยจากควันพิษรถยนต์นี้มากขึ้น มีกฎหมายห้ามการใช้ตะกั่วในการกลั่นน้ำมัน และมีการประกาศการปรับปรุงการกลั่นน้ำมัน (แต่น้ำมันก็ยิ่งแพงกว่าเก่าด้วย) จะเห็นว่ามีการโฆษณากันเป็นการใหญ่ว่า น้ำมันของโรงงานต่างๆมี “น้ำมันปลอดตะกั่ว (LEAD FREE)” มากขึ้นแต่คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ อย่างเราจะรู้และแน่ใจได้อย่างไรว่า น้ำมันจากโรงกลั่นที่มาขายในเมืองไทยนั้นปลอดสารตะกั่วจริง?และเมื่อสารต่างๆเหล่านี้ถูกทิ้งเป็นขยะและปนกับขยะ ชีวิตของเราก็ยิ่งต้องเสี่ยงและทนทุกข์ทรมานกับพิษของสารพิษจากตะกั่วมากยิ่งขึ้นพิษจากสารตะกั่วเหล่านี้จะเข้ามาสู่ตัวเราจากการหายใจเข้าไป จากการกินหรือดื่มน้ำเข้าไป และในบางกรณีจากการสัมผัสทางกาย ก็จะซึมเข้าไปในร่างกายทางผิวหนังและมันก็กลายเป็นพิษซึ่งเป็นได้ทั้งสารพิษ (TOXIN) และยาพิษ (POISON) โดยตรงถ้าเราถูกพิษของตะกั่วในระยะสั้นๆ จะเกิดอาการป่วยอย่างเฉียบพลัน (ACUTE TOXICITY) หรือถ้าค่อยๆเป็นค่อยๆไป และสัมผัสกับสารตะกั่วในระยะยาว เราก็จะป่วยจากพิษตะกั่วในสภาพเรื้อรัง (CHRONIC TOXICITY)จะป่วยแบบเฉียบ พลันทันที หรือจะเป็นแบบเรื้อรังค่อยเป็นค่อยไป ก็มีหวังเป็นอันตรายถึงตายด้วยกันทั้งสิ้น อาการที่ค่อยเป็นค่อยไป คือ

1. การเจริญเติบโตของกระดูกและกล้ามเนื้อ ถ้าเป็นตั้งแต่เด็กๆ ก็เป็นของแน่ว่า เด็กจะเป็นเด็กที่ไม่เจริญเติบโต จะแคระแกร็น รูปร่างผอมบางตัวเล็กๆถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็จะเกิดอาการปวดๆ เมื่อยๆการปวดเมื่อยนี้จะไม่ใช่การปวดเมื่อยแบบทำงานหนัก แต่จะปวดแบบปวดร้าว ปวดหนืดๆตลอดเวลา

2. ความพิการในด้านระบบกล้ามเนื้อ โดยเหตุที่สารตะกั่วทำลายกระดูกและกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อบางมัดบางส่วนจะเกิดการลีบและบิดตัว การเคลื่อนไหวของร่างกายจะเสียการทรงตัว มีอาการเหมือนคนเป็นอัมพาต เวลาเดินจะตัวสั่นและหกล้มได้ง่าย

3. ระบบสมองประสาทถูกทำลาย หนักมาก และกับเรื่องนี้ สมองถูกทำลายก็จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อน ความคิดอ่าน ความสามารถในการทำงาน สภาพความเป็นคนจะกลายเป็นตรงกันข้าม หูจะหนวก ตาจะมองไม่เห็น4. ไตจะวายหรือไตเสื่อม

5. พูดไม่ชัด การติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นหรือภายนอกจะเสียไปหมด

6. เกิดอาการชัก-ตะคริวตลอดเวลาวิธีป้องกัน โดยเฉพาะ เด็กๆ ซึ่งจะต้องสัมผัสกับสารตะกั่วได้ง่าย


1. ได้พูดถึงตัวอย่างเรื่องท่อน้ำ เรื่องแบตเตอรี่ เรื่องควันรถยนต์ไว้บ้างแล้วตอนต้น ขอพูดถึงวัตถุ ถ้วยชาม และของเด็กเล่น ซึ่งการใช้สิ่งต่างๆละลายหรือทาที่วัตถุนั้นจะมีสารตะกั่วทั้งสิ้น ระวังให้มาก
2. เรื่องฝุ่นที่หมักหมมในบ้าน ในห้อง จะมีสารตะกั่วปน เพราะตะกั่วเป็นโลหะหนัก
3. ระวังเรื่องดินที่เอามาถมบ้านให้มาก สอบถามว่าเอาดินมาจากไหน ถ้ามาจากกองขยะ อย่าเอา
4. ระวังเรื่องยาย้อมผมมากๆ สารตะกั่ว เยอะ เครื่องสำอางอย่างอื่นก็ดู

Tag (ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง): ภัยเงียบ ขยะ สิ่งแวดล้อม